สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน สำหรับทีมนี้มีชื่อเต็มว่าวุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ ซึ่งได้ตั้งอยู่ในเมืองวูลฟ์แฮมป์ตันในประเทศอังกฤษ โดยได้เข้าแข่งขันพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน เดิมทีเคยเล่นที่สนามโมลินิวซ์ สเตเดียม พร้อมทั้งได้ย้ายมาจากการถนนดัดลีย์ในปี 1889 รวมถึงชุดของผู้เล่นของ ทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน ในแบบฉบับดั้งเดิมของสโมสรมีเสื้อเป็นสีทอง มาพร้อมกับกางเกงขาสั้นและถุงเท้าสีดำ ซึ่งได้ถูกใช้มาอย่างยาวนานถึง 1979 อีกทั้งโลโก้ของชุดยังมีสัญลักษณ์หัวหมาป่า
นอกจากนี้การก่อตั้งเซนต์ ลุคส์ เอฟซี ขึ้นมาภายในช่วงปี 1877 ก่อนจะได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ ในอีกสองปีต่อมาและทำให้ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เป็นผู้ก่อตั้งฟุตบอลลีก ในปี 1888 ทีมของพวกเขาก็คว้าแชมป์เอฟเอคัพมาได้ครั้งแรกในปี 1893 โดยอีกครั้งที่เกิดขึ้นได้ลงเล่นใฐานะ ทีมฟุตบอลดิวิชัน 2 ของปี 1908 หลังจากที่ได้ตกชั้นไปอย่างน่าเสียดายเมื่อ 2 ปีก่อนและตกชั้นไปเล่นดิวิชัน 3 อีกทีในปี 1923
ซึ่งตอนนั้นก็สามารถคว้าแชมป์ไปได้ในช่วง 1923-24 รวมไปถึงดิวิชัน 2 ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาของปี 1931-32 ทีมของพวกเขาก็ทำผลงานได้ดีขึ้น ด้วยการครองแชมป์ดิวิชัน 3 ได้ในปี 1923-24 รวมไปถึงดิวิชัน 2 ภายในปี 1931-32 นอกจากนี้ยังครองแชมป์ลีกอังกฤษได้ถึง 3 สมัยตั้งแต่ปี 1953-1959 ซึ่งในช่วงเวลานั้นได้อยู่ในการคุมทีมของสแตน คัลลิส ที่ได้เข้ามารับตำแหน่ง ผู้จัดการทีมฟุตบอล พร้อมการคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้อีกถึงสองครั้ง
โดยมาตกชั้นภายในปี 1965 ก่อนที่จะไปคว้าแชมป์ลีกคัพในช่วง 1974,1980 รวมถึงการคว้าแชมป์ดิวิชัน 2 อีกครั้งในปี 1976-77 ต่อมาก็ทำให้ทางสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ประสบกับปัญหาวิกฤตทางด้านการเงินในช่วง 1980 ส่งผลให้สโมสรต้องเกือบเลิกกิจการไปในปี 1982 หลังจากนั้นอีกห้าฤดูกาลตั้งแต่ปี 1981-1986 ทีมของเขาก็ตกชั้นอีกถึงสี่ครั้งแม้ว่าจะเลื่อนชั้น ลงไปเล่นในดิวิชัน 1 ได้ภายในช่วงปี 1982-83 แต่อย่างไรก็ตามสโมสรก็กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลาต่อมาหลังจาก 14 ฤดูกาลในดิวิชัน 2 ระหว่างปี 1989-2003 ทีมของพวกเขาก็ได้เข้าสู่พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว พร้อมทั้งสามารถคว้าชัยชนะในรอบเพลย์ออฟ ได้เป็นครั้งแรกแม้ว่าจะตกชั้นอีกครั้ง ในฤดูกาลถัดมาของปี 2008-09 ก็ได้กลับมาลงเล่นพรีเมียร์ลีกอีกรอบ แต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่ดีขึ้นและตกชั้นไปในปี 2011-12 หลังจากนั้นในอีกหนึ่งฤดูกาลก็ได้แชมป์ ลีกวัน ครั้งแรกและทำให้สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน กลับเข้ามาแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
ตามด้วยการชนะการแข่งขันแชมปเปียนชิปในปี 2017-18 พร้อมกับได้เป็น สโมสรฟุตบอลอังกฤษ ทีมแรกที่ติดตั้งไฟฟลัดไลท์ในสนามเหย้าในปี 1953 ก็ได้มีการจัดถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ในการแข่งขันกระชับมิตรของ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ร่วมกับสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศระหว่าง 1953-1956 เพราะมีส่วนสำคัญในการเปิดตัวถ้วยยุโรป ที่รู้จักกันในปัจจุบันและเรียกว่ายูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก่อนจะเข้าถึงรอบรองชนะในการแข่งขันในปี 1959-60
ประวัติวูลฟ์แฮมป์ตัน ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน
ประวัติวูลฟ์แฮมป์ตัน จุดเริ่มต้นของพวกเขาก็ไม่ต่างจากทีมอื่น เพราะไม่ได้เป็นที่รู้จักและอยู่ภายใต้การสนับสนุน จากคริกเก็ตและโบสถ์จนได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1877 โดยได้รับการเสนอให้เล่นฟุตบอลจาก แฮร์รี บาร์ครอฟต์ สำหรับการลงเตะครั้งแรกของ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมกราคมของปี 1877 ซึ่งได้ลงกับทีมสำรองจากถนนสแตฟฟฟอร์ด ก่อนจะเข้าร่วมกับสโมสรคริกเก็ตในท้องถิ่น เพื่อก่อตั้งสโมสรขึ้นมาอย่างเต็มตัวในเดือนสิงหาคม 1879
ทีมของพวกเขาได้ชูถ้วยแชมป์เอฟเอคัพ ครั้งแรกที่สามารถเอาชนะเอฟเวอร์ตันได้ในปี 1893 ต่อมาก็ได้เข้ารอบชิงเอฟเอคัพครั้งที่สามในปี 1896 นอกจากนี้ก็ได้เอาชนะนิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพครั้งที่สอง หลังจากนั้นทีมพวกเขาก็ตกไปเล่นดิวิชัน 3 ในปี 1923 ซึ่งใช้ความพยายามถึงแปดปีในการเลื่อนชั้น ก็ได้กลับเข้าสู่ดิวิชัน 2 ของสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ภายใต้การนำทีมของ โค้ชวูลฟ์แฮมป์ตัน ที่รู้จักกันในชื่อแฟรงค์ บัคลี่ย์ หลังจากที่ห่างหายไปนานถึง 26 ปี
โดยช่วงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน เป็นช่วงที่ทีมของพวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้ในปี 1953-54 ซึ่งสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ไปได้ในช่วงปลายฤดูกาลและในช่วงหนึ่ง ก็ได้มีชื่อเสียงจากความสำเร็จในแมตช์กระชับมิตร ซึ่งเวลาต่อมาก็ได้ถูกยกย่องให้เป็น แชมเปียนส์ออฟเดอะเวิลด์ ต่อจากนั้นในฤดูกาล 1957-58 พวกเขาก็เอาชนะเรอัลมาดริดไปได้ 5-4 ในการแข่งขันทั้งเหย้าและเยือนของทั้งสองทีม
การชนะในเอฟเอคัพสมัยที่สี่ของพวกเขา ก็เกือบจะคว้าแชมป์ลีกและเอฟเอคัพ ซึ่งจะเป็นดับเบิลแชมป์ครั้งแรกในศตวรรษที่ 20 แต่ก็ต้องถูกจ่าฝูงของลีกอย่าง เบิร์นลีย์ ในการแข่งขันท้ายฤดูกาลแม้ว่าจะเริ่มต้นได้ดี แต่ฟอร์มการเล่นก็ตกลงและทำให้ อันดับวูล์ฟแฮมป์ตัน ในตอนนั้นทำได้แค่รองแชมป์ลีกในปี 1959-60 รวมไปถึงอันดับสามในฤดูกาลที่ชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ อย่างไรก็ตามทางสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ก็ได้รับการเลื่อนชั้นอีกครั้งในปี 1967 ในฐานะรองแชมป์ดิวิชัน 2
ในช่วงเวลาต่อมาของเดือนสิงหาคมปี 2020 ก่อนจะมีการระบาดของโควิด-19 สื่อ nbascorenow.com ได้กล่าวว่าในยุโรปและทำให้สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน จบอันดับที่เจ็ดของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019-20 นอกจากนี้ยังประสบปัญหาในช่วงฤดูกาลต่อมา โดยได้มีการประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 ว่าจะมีการลาออกของนูโน เอสปิริโตซานโต ผู้จัดการทีมวูลฟ์แฮมป์ตัน ในขณะนั้นและมีความยินยอมร่วมกันทั้งสองฝ่าย หลังจากการแข่งขันเกมสุดท้ายของฤดูกาล ที่ได้ลงเล่นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อีกทั้งยังได้มีการประกาศแต่งตั้งอดีตโค้ชอย่างเบนฟิกาบรูโน ลาเก โดยเข้ามารับตำแหน่งแทนที่เอสปิริโต ซานโต ต่อมาในช่วงของฤดูกาล 2021-22 หลังจากแพ้สามเกมแรกก็เล่นได้ดีขึ้นอย่างมาก จนทำให้สุดท้าย สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ได้อยู่ในอันดับเจ็ดของลีกจนถึงสิ้นเดือนมกราคม แต่ภายหลังของฤดูกาลก็จบอันดับเพียงที่ 10 ของตารางด้วยคะแนน 51 แต้มและปัญหาสำหรับทีมพวกเขาคือการทำประตู ซึ่งแข่งไปทั้งหมด 38 ประตูจากการแข่งขันทั้งหมด 38 นัด
ตราสโมสรฟุตบอล พร้อมกับความเป็นมาของ สีเสื้อและสนามกีฬาฟุตบอล
ตราสโมสรฟุตบอล ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดีและถูกใช้บนเสื้อทีม โดยมาจากตราแผ่นดินของสภาเมืองวูลฟ์แฮมป์ตัน ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ก็ได้มีการเปิดตัวตราของสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ที่ประกอบด้วยหมาป่าตัวเดียวและกลายเป็น หมาป่าสามตัวในช่วงกลางปี 1970 รวมถึงได้ใช้มาจนถึงปี 1979 เป็นต้นมาและในช่วงเวลาถัดมาตราก็ประกอบด้วย หัวหมาป่า ซึ่งได้ถูกออกแบบใหม่อีกครั้งในปี 2002 พร้อมกับการออกแบบชุดทีมเหย้าใหม่ในเวลาต่อมา
โดยดั้งเดิมเสื้อของทีมนี้เป็นสีทองและสีดำ เพราะต้องการสื่อถึงคำขวัญของเมืองว่า Out of Darkess Cometh Light เนื่องจากสองสีนี้ใช้แทนแสงสว่างและความมืด หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลง เสื้อทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นสีแดงและสีขาว รวมถึงช่วงแรกของทางสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ได้มีการออกแบบชุดหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเลือกใช้สีลายทางและครึ่งวงกลม จนสุดท้ายได้มีการใช้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1930 แต่ว่าสีชุดเยือนของทีมนี้เป็นสีขาวทั้งหมด แต่ก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงมามากมายอย่าง สีดำ, สีน้ำเงิน, สีม่วง
สำหรับสนามกีฬาดั้งเดิมในช่วงเริ่มก่อตั้ง พวกเขาได้ใช้สนามบนเนินเขาโกลด์ธอร์น ที่ได้ตั้งอยู่ในเขตเบลเคนฮอลล์เพื่อใช้เป็นสนามเหย้า ซึ่งในตอนนั้นรองรับผู้เข้าชมได้เพียง 2,000 คน หลังจากนั้นก็ได้มีการย้ายไปเล่นที่สนามของ จอห์น ฮาร์เปอร์ โดยตั้งอยู่บนถนนโลเวอร์ วิลเลียร์ส สนามแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นเวลาสองปีก่อนย้ายไปถนนดัดลีย์ รวมไปถึงสนามนี้ได้ใช้แข่งขันเอฟเอคัพครั้งแรกในปี 1883 พร้อมกับการแข่งนัดแรกของ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ในรายการฟุตบอลลีกในเดือนกันยายน 1888
ถึงแม้ว่าสนามแห่งนี้จะรองรับผู้ชมได้แค่ 2,500 คน แต่ในภายหลังก็ได้รับการปรับปรุงเพิ่มความจุ ซึ่งสามารถพัฒนาจนมีความจุได้ถึง 10,000 คน ในช่วงเวลาถัดมาหนึ่งปีหลังจากนั้นก็ได้มีการย้ายสนามอย่างถาวร และใช้สนามโมลินิวซ์ในเขตพื้นที่ของวิทมอร์ เร็องส์ สำหรับสนามแห่งนี้ได้ชื่อมาจาก บ้านโมลินิวซ์ ที่ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ของเบนจามิน โมลินิวซ์ พ่อค้าท้องถิ่นในละแวกนั้นช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมาก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งใช้เป็นสถานที่พักผ่อนสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างในปี 2010 ที่ได้มีการซื้อกิจการจาก สปอร์ตติงเบ็ท ทำให้ได้เป็น เจ้าของสโมสรฟุตบอล ในช่วงเวลาหนึ่งและต่อมาในฤดูกาล 2012-13 ก็มีแผนการสร้างและต้องการเพิ่มความจุให้เป็น 31,700 ที่นั่ง พร้อมทั้งยังเสนอแผนการสร้างอัฒจันทร์ ที่เก่าแก่ที่สุดในสนามเพื่อพัฒนาขึ้นใหม่ ให้มีความจุเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวน 36,000 ที่นั่ง แต่ก็ต้องถูกระงับลงเมื่อสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน มีแนวโน้มว่าจะตกชั้นในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 2012
จนสุดท้ายการปรับปรุงพื้นที่ของ สนามวูลฟ์แฮมป์ตัน ก็ได้ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งในการประชุม หลังจากที่ Fosun ได้เข้ามาซื้อกิจการ สโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ที่ได้เข้ามาควบคุมกิจการสโมสรในปี 2016 ซึ่งตรงกันข้ามกับแผนการสร้างก่อนหน้านี้ ในเวลาถัดมาก็ได้เปิดเผยในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ว่าจะมีแผนการรื้อถอนและสร้างใหม่ทั้งหมด ตามมาด้วยการปรับปรุงอัฒจันทร์เซอร์แจ็ค เฮย์เวิร์ด แต่อย่างไรก็ตามทางสโมสรในปี 2020 ก็ได้มีการประกาศการปรับปรุงสนาม โดยต้องการรักษาเอกลักษณ์เอาไว้